วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559

แนวโน้มการท่องเที่ยวไทย 2559 เทรนด์ 10 เมืองที่กำลังมาแรงและต้องไปเที่ยว

อันดับ 1 จังหวัดบุรีรัมย์

ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์

          เมืองท่องเที่ยวไทยที่ติดโผมาแรงตั้งแต่ปีก่อนและต่อเนื่องมายังปี 2016 บุรีรัมย์ไม่ได้มีดีแค่สโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศ (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นแม่เหล็กนักท่องเที่ยวคอกีฬาชั้นดี) แต่ยังมีที่เที่ยวอีกหลากหลายแนว รวมไปถึงที่เที่ยวธรรมชาติและสันทนาการ มากไปกว่านั้นคุณๆ รู้หรือไม่ว่าเมืองนี้เป็นแหล่งอารยธรรมที่สำคัญของแถบอินโดจีนอีกด้วย ที่เที่ยวที่น่าสนใจ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินเมืองต่ำ แหล่งเตาโบราณ วนอุทยานเขากระโดง สวนนกบุรีรัมย์ เขื่อนลำนางรอง สนามกีฬาปราสาทสายฟ้า และแหล่งช้อปปิ้งสุดฮิปน้องใหม่ ตลาดไลฟ์ลี่มาร์เก็ต (Lively Market)

อันดับ 2 จังหวัดร้อยเอ็ด

วัดผาน้ำทิพย์ ร้อยเอ็ด
         แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิชั้นดีของประเทศและยังขึ้นชื่อเรื่องผ้าทอและสิ่งจักสาน ที่สำคัญเมืองนี้เป็นแหล่งอารยธรรมโบราณชั้นเลิศ เป็นที่ตั้งของวัดเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งและที่เที่ยวธรรมชาติสวยงาม แถมยังมีงานประเพณีที่โด่งดังระดับนานาชาติ เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ ประเพณีกินข้าวปุ้นบุญผะเหวด ประเพณีแห่เทียนพรรษา และประเพณีการแข่งเรือยาว เป็นต้น ส่วนที่เที่ยวสำคัญที่น่าสนใจก็มีมากมาย เช่น วัดกลางมิ่งเมือง วัดบูรพาภิราม พระมหาเจดีย์ชัยมงคล วัดหนองหมื่นถาน กู่พระโกนา ปราสาทหนองกู่ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด บึงพลาญชัย บึงเกลือ ถ้ำผาน้ำย้อย ทุ่งกุลาร้องไห้ สถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติร้อยเอ็ด

อันดับ 3 จังหวัดน่าน

ดอยเสมอดาว น่าน
         เมืองสงบสวยงามเหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ รีเล็กซ์แบบเต็มๆ น่านมีดีหลายอย่างที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งประเพณีวัฒนธรรมที่สำคัญ ผ้าซิ่นท้องถิ่นสวยงาม ภาพวาดคู่รักบันลือโลก “ฮูบแต้ม” รวมไปถึงการครัวพื้นบ้าน ข้าวหลามเมืองน่านและส้มสีทองแสนอร่อย ที่เที่ยวเด่นๆ ที่ควรไปชม เช่น วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง วัดมิ่งเมือง วัดหลวงกลางเวียง วัดภูมินทร์ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน บ่อเกลือโบราณ เสาดินนาน้อย อุทยานแห่งชาติขุนน่าน อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ลำน้ำว้า หมู่บ้านไทลื้อ หอศิลป์ริมน่าน ตลาดชายแดนบ้านห้วยโก๋น และหมู่บ้านประมงปากนาย เป็นต้น

อันดับ 4 จังหวัดสกลนคร

พระธาตุเชิงชุม สกลนคร
          อีกหนึ่งแหล่งวัฒนธรรมโบราณที่ตั้งของอารยธรรมขอมในอดีตที่สำคัญ และยังเป็นที่ตั้งของสุสานไดโนเสาร์อีกแห่งของเมืองไทย นอกจากนั้นแล้วสกลนครยังโด่งดังเรื่องเป็น “เมืองแห่งพระธรรม” และงานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทริปสายบุญจำนวนมากจึงมักนิยมมาทัวร์ทำบุญไหว้พระกันที่เมืองนี้ ที่เที่ยวสำคัญสกลนครที่ต้องไปเยือนมีหลายแห่ง เช่น วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร วัดถ้ำขาม วัดถ้ำพวง วัดพระธาตุดุม พระธาตุศรีมงคล พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร อุทยานแห่งชาติภูพาน อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก หนองหานหลวง และน้ำตกคำหอม

อันดับ 5 จังหวัดอุบลราชธานี

สามพันโบก อุบลราชธานี
          ที่ชมแสงแรกของวันใหม่และแกรนด์แคนยอนของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งภาพเขียนสีโบราณชื่อดัง อุบลราชธานีเป็นเมืองที่มีประวัติการก่อตั้งชุมชนมายาวนานหลายร้อยปี ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีที่เที่ยวทางวัฒนธรรมประเพณีดีๆ หลายแห่ง รวมไปถึงเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีพิธีแห่เทียนพรรษาที่ยิ่งใหญ่อลังการ ที่เที่ยวที่ห้ามพลาดเมื่อมาอุบลฯ คือ แก่งหินสามพันโบก หาดชมดาว อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ผาชะนะได น้ำตกลงรู ป่าดงนาทาม อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย แก่งสะพือ เขื่อนสิรินธร ซืนวาน พัทยาน้อย วัดป่าใหญ่ วัดศรีอุบลรัตนาราม และบ้านคำปุน

อันดับ 6 จังหวัดขอนแก่น

วัดพระมหาธาตุแก่นนคร ขอนแก่น
          เมืองใหญ่แห่งแดนอีสานที่เป็นศูนย์รวมความเจริญพร้อมสรรพไม่แพ้กรุงเทพฯ เมืองหลวง แต่ที่มากไปกว่านั้น คือ ที่เที่ยวธรรมชาติและแหล่งอารยธรรมโบราณที่นับย้อนไปได้ถึงยุคดึกดำบรรพ์ และยังเป็นเมืองที่มีงานประเพณีท้องถิ่นๆ ดัง เช่น เทศกาลดอกคูณเสียงแคน-สงกรานต์ขอนแก่น เทศกาลไหว้พระธาตุขามแก่น และงานเทศกาลไหมและประเพณีผูกเสี่ยวเป็นต้น ที่สำคัญเมืองนี้เดินทางไปเที่ยวได้สะดวก มีสนามบินขนาดใหญ่ที่เป็นถึงสนามบินนานาชาติ อีกทั้งลิสต์ที่เที่ยวในเมืองนี้ก็ยาวเป็นหางว่าว เช่น วัดพระมหาธาตุแก่นนคร พระธาตุขามแก่น บึงแก่นนคร เขื่อนอุบลรัตน์ อุทยานแห่งชาติภูเวียง สุสานไดโนเสาร์ อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน สวนสัตว์ขอนแก่น สวนน้ำไดโนวอเตอร์ปาร์ค บางแสน 2 ตลาดต้นตาล และที่เที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่รับประกันได้ว่าม่วนหลายๆ แน่นอน

อันดับ 7 จังหวัดระยอง

เกาะเสม็ด ระยอง
          เมืองติดทะเลตะวันออกของไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องเกาะสวยงาม ที่เที่ยวทางทะเลสุดฮิตของไทย “เกาะเสม็ด” แต่ระยองไม่ได้มีแค่เกาะเสม็ดเกาะเดียวเท่านั้น แต่มีเกาะท่องเที่ยวอีกมากมายที่ในระยะหลังเริ่มฮิตติดลมบนในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย มากไปกว่านั้นระยองยังมีที่เที่ยวแนวป่าเขาและกิจกรรมมากมายที่ตอบรับความต้องการของคนทุกรุ่นทุกวัยได้เป็นอย่างดี ที่เที่ยวในระยองที่น่าสนใจ เช่น เกาะเสม็ด เกาะกุฏี เกาะทะลุ เกาะมันใน อุทยานแห่งชาติเขาชะมวง-เขาวง อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หาดแม่รำพึง หาดทรายแก้ว แหลมเจริญ-หาดแสงจันทน์ แหลมแม่พิมพ์ พระเจดีย์กลางน้ำ เรือรบหลวงประแส น้ำตกเขาชะเมา ตลาดบ้านแพ ตลาดเกาะลอย ถนนคนเดินยมจินดา สวนสมุนไพรสมเด็จฯ และสถานแสดงสัตว์น้ำระยอง

อันดับ 8 จังหวัดกระบี่

เกาะปอดะ กระบี่
          สวรรค์แดนใต้ เมืองชายทะเลที่ติดโหวตอันดับ 2 เมืองที่มีเสน่ห์ของไทยเมื่อปีก่อน เจ้าของฉายา “เมือง 100 เกาะ” เพราะมีเกาะท่องเที่ยวสวยงามและแหล่งดำน้ำชมปะการังยอดฮิตหลายแห่ง อีกทั้งยังมีแหล่งศึกษาโบราณคดีที่น่าสนใจ ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่ากระบี่จะติดท็อป 10 เมืองท่องเที่ยวมาแรงล่าสุดของไทย ที่เที่ยวชื่อดังของเมืองกระบี่ เช่น สุสานหอย 45 ล้านปี อ่าวมาหยา-เกาะพีพี ทะเลแหวก หมู่เกาะห้อง เขาขนาบน้ำ อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา น้ำตกร้อนคลองท่อม ป่าพรุ ถ้ำเสด็จ และวัดถ้ำเสือ

อันดับ 9 จังหวัดเชียงราย

ทะเลหมอก เขื่อนแม่สวย เชียงราย
          แอ่วเหนือเที่ยวเมืองเก่าแก่แห่งอาณาจักรล้านนา เมื่อเอ่ยถึงเชียงราย ทุกคนต้องนึกถึงวัดสีขาวอันสวยงามวิจิตร “วัดร่องขุน” รวมไปถึงวัดเก่าแก่อีกหลายแห่ง ไร่ผลไม้ และสวนดอกไม้พระตำหนักดอยตุง นอกจากนั้นเชียงรายยังขึ้นชื่อว่าเป็นที่ชมทะเลหมอก ที่ชมดอกซากุระเมืองไทยและไร่กาแฟชั้นดีอีกแห่งของประเทศอีกด้วย ที่เที่ยวชื่อดังของเชียงราย คือ วัดร่องขุน วัดพระแก้ว วัดพระสิงห์ ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง ดอยแม่สลอง ดอยหัวแม่คำ ไร่กาแฟดอยวาวี ไร่บุญรอด พระตำหนักดอยตุง ถนนคนเดินเชียงราย ตลาดแม่สาย และพิพิธภัณฑ์บ้านดำ

อันดับ 10 จังหวัดอุดรธานี

ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี อุดรธานี
          เมืองใหญ่อีกเมืองของแดนอีสาน ที่ตั้งของทะเลบัวแดงอันเลื่องลือ อีกทั้งยังเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญที่ติดขั้นมรดกโลก มากไปกว่านั้นแล้ว อุดรธานียังมีวัดสำคัญและที่เที่ยวอื่นๆ อีกด้วย ที่สำคัญอีกอย่าง คือ อุดรธานีในวันนี้มีความเจริญอย่างมาก มีทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แหล่งอาหารชั้นเลิศ จุดนัดพบฮิปสเตอร์เก๋ๆ และสนามบินประจำเมืองก็ใหญ่โตติดอันดับสนามบินนานาชาติอีกต่างหาก ที่เที่ยวที่น่าสนใจในอุดรธานี เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง พิพิธภัณฑ์เมืองอุดร ทะเลบัวแดง-หนองหานกุมภวาปี ภูฝอยลม หนองประจักษ์ น้ำตกธารงาม อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท สวนกล้วยไม้หอมอุดร พระธาตุโพนทอง บ้านคำชะโนด ยูดีทาวน์ (UD Town) พรีเมี่ยมเอาท์เลทอุดรธานี (Premium Outlet Udon Thani) ที่ช้อปใหม่ในสไตล์ยุโรป และสวนน้ำยูโซเทล (Usotel Water Land)

ที่มา : http://www.skyscanner.co.th/news/inspiration/travel-trends-domestic-destinations-2016/

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2559 ในประเทศไทย

 1. เกาะตาชัย 

เกาะตาชัย
          เริ่มกันที่เกาะสุดฮอตซึ่งเพิ่งเปิดให้ท่องเที่ยวไม่นาน โดยได้รับการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสิมิลันในปี พ.ศ. 2541 แต่ความงามของท้องทะเล หาดทราย และบริสุทธิ์ ก็ทำให้ชื่อของ เกาะตาชัย ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตได้ไม่ยากเลย ซึ่งเสน่ห์อันดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกหนึ่ง คือ การเดินป่าเข้าไปดู ปูไก่ ปูน้ำจืดที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ มีลำตัวมีสีแดงสด ก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน และเวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ จึงเป็นที่มาของชื่อ (ควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำของไกด์) สำหรับการเดินทางมาเที่ยวเกาะตาชัยนั้น จะเป็นแบบ One Day Trip เพราะนักท่องเที่ยวไม่สามารถพักบนเกาะได้


2. เกาะล้าน

เกาะล้าน
          เรียกได้ว่าชื่อของ เกาะล้าน ไม่เคยจางหายไปไหนเมื่อมีการจัดอันดับความนิยม เพราะใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมหาดทรายและน้ำทะเลของเกาะก็สวยน่าเล่นที่สุด แหม…ใครจะคาดคิดว่าห่างจากพัทยามาเพียง 7 กิโลเมตร จะได้สัมผัสกับน้ำทะเลใสในโทนสีออกฟ้าเข้มราวทะเลฝั่งอันดามัน หาดทรายก็ขาวละเอียดนุ่มเท้าล่ะ (จริงไหม) นอกจากนี้ ที่พักเกาะล้าน ยังมีให้เลือกสรรมากมายตามความชอบอีกด้วย


3. เกาะช้าง

เกาะช้าง
          หากกล่าวถึงทะเลแถบภาคตะวันออก เกาะช้าง นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางผู้รักทะเล ด้วยเพราะความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทำให้เกาะช้างยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง เช่น หาดทรายขาว หาดแห่งนี้เนียนเรียบ เนื้อทรายละเอียดนุ่มเท้า รวมถึงยังเป็นศูนย์รวมของรีสอร์ทเก๋ ๆ ร้านอาหาร ผับฮิป ๆ มากมาย และถัดไปไม่ไปไกลก็เป็นที่ตั้งของหาดคลองพร้าว มีหาดทรายที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และเหมาะอย่างยิ่งที่จะเล่นกิจกรรมทางน้ำ เพราะหาดนี้ไม่ลาดเอียง คลื่นลมสงบ รวมถึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงาม นอกเหนือจากนี้บริเวณเกาะช้างยังมีอีกหลายอ่าวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน อย่างหาดไก่แบ้ อ่าวคลองสน อ่าวสับปะรด และหาดทรายยาว ฯลฯ


4. เขาใหญ่

เขาใหญ่
          เขาใหญ่ หรือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวสุดคลาสสิกที่สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะไม่ว่าจะฤดูไหนความงดงามของเขาใหญ่ก็แปรเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ จะร้อน ฝน หรือหนาวก็สวยไปซะหมด ซึ่งสถานที่ที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นธรรมชาติ เช่น น้ำตกเหวสุวัต, น้ำตกเหวนรก, น้ำตกผากล้วยไม้, หอดูสัตว์, จุดชมวิวผาเดียวดาย และอ่างเก็บน้ำสายศร เป็นต้น นอกจากนี้ บริเวณใกล้ ๆ เขาใหญ่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวชิค ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้ง Palio, Primo Piazza, Sheep Land, ตลาดน้ำเขาใหญ่, The Bloom by ทีวีพูล, The Pete Maze และเขาใหญ่ พาโนรามา ฟาร์ม ฯลฯ แถมที่นี่ยังมีที่พักเขาใหญ่เก๋ ๆ ให้เลือกสรรเพียบ อีกทั้งเมื่อขับรถเลยจากเขาใหญ่ไปประมาณ 70 กิโลเมตร คุณก็จะได้สูดโอโซนอันแสนบริสุทธิ์ ณ วังน้ำเขียว สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน


5. ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง
          เพราะอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี แวดล้อมด้วยพรรณไม้และดอกไม้นานาชนิด ทำให้ ดอยอ่างขาง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตในปี 2557 ได้ไม่ยากเลย อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ไปชื่นชมหลากหลาย เช่น สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง, สวนบอนไซ, จุดชมวิวกิ่วลม, พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 (ฝาง) โดยเฉพาะการไปสัมผัสกับวิถีชีวิชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ณ หมู่บ้านขอบด้ง, หมู่บ้านนอแล และหมู่บ้านหลวง แต่ดูเหมือนว่าไฮไลท์ที่หลาย ๆ คนรอคอย คือ การไปเก็บสตรอว์เบอร์รีตามสวนต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย


6. ดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์
          ได้ชื่อว่าเป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่ ดอยอินทนนท์ กลับเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสุด ๆ เพราะทุกที่สถานที่เที่ยวเด่นถูกเชื่อมต่อด้วยถนนลาดยางอย่างดี ทำให้นักเดินทางต่างก็อยากเดินทางไปพักผ่อนเสมอเมื่อมีโอกาส แต่สิ่งที่น่าสนใจของดอยนี้ไม่เพียงแต่เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความสูง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางเท่านั้น ด้วยสภาพภูมิประเทศ สภาพป่าที่หลากหลาย และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือบทั้งวัน บางครั้งน้ำค้างยังกลายเป็นน้ำค้างแข็ง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวก็มีอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์, ตลาดม้ง, กิ่วแม่ปาน, หมู่บ้านม้งขุนกลาง, พระมหาธาตุนภเมทนีดล พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ, น้ำตกวชิรธาร, น้ำตกสิริภูมิ, น้ำตกผาดอกเสี้ยว, บ้านแม่กลางหลวง และจุดสูงสุดบนยอดดอยอินทนนท์ เป็นต้น ใครชอบเที่ยวสไตล์ไหนก็สามารถเลือกได้ตามใจได้เลย


7. ม่อนแจ่ม

ม่อนแจ่ม
          เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 แต่ชื่อของ ม่อนแจ่ม (อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่) ก็พุ่งทะยานติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทันที เพราะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทิวภูเขาสลับกันไกลสุดลูกหูลูกตา อีกด้านเป็นแปลงปลูกพืชและไม้เมืองหนาวของโครงการหลวง และมีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้า ทำให้นักเดินทางต่างก็อยากไปชื่นชมด้วยตัวเองทั้งนั้น และการได้ไปชิมอาหารปรุงสด ๆ กับผลผลิตท้องถิ่นที่ปลูกเอง เคล้ากับทิวทัศน์กว้างไกลสบายตา ก็เป็นตัวขับเคลื่อนให้ใคร ๆ ก็อยากไปเยือน


8. เชียงใหม่

เชียงใหม่
          เชียงใหม่ จะไม่ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2559 ได้อย่างไรล่ะ…จริงไหม เพราะที่นี่เป็นเหมือนศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภาคเหนือ เนื่องจากความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางด้านธรรมชาติอันงดงาม ด้านศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของชาวเชียงใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์น่าประทับใจ และความพรั่งพร้อมในเรื่องสถานที่พักและบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่หลากหลาย เป็นที่ดึงดูดคนมาท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปี โดยมีกิจกรรมท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการผจญภัยท้าทาย ให้เลือกทำมากมาย เช่น สักการะพระบรมธาตุ เยือนวัดเก่าแก่และเมืองโบราณ ขึ้นบอลลูน บินพารามอเตอร์ นั่งช้างชมธรรมชาติ ขับรถ ATV โหนรอกไปตามยอดไม้ ดูนก เที่ยวชุมชนเก่าแก่ ฯลฯ


9. เชียงคาน 

เชียงคาน
          เหมือนเวลาจะหมุนช้าลงเมื่อมาเยือน “เชียงคาน” คงไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่ผิดนัก เพราะอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดเลย แห่งนี้ยังคงอารยธรรมแห่งลุ่มน้ำโขง ที่ผสมผสานกับความทันสมัยของโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว ความเงียบสงบของเมือง ความน่ารักของผู้คน ที่ยังดำรงวิถีชีวิตแบบราบเรียบ และกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างแนบแน่นดีเยี่ยม รวมไปถึงทัศนียภาพริมฝั่งโขงที่สวยงาม คงเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้นักเดินทางมักแวะเวียนไปต้องมนตร์เสน่ห์สถานที่แห่งนี้ไม่ขาดสาย


10. ภูทับเบิก 

ภูทับเบิก
          “นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน” คำกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยสักนิดเมื่อได้มา ณ ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็น วิถีชีวิตชาวเขา และแหล่งธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะที่นี่มีความสูงจากระดับทะเลประมาณ 1,768 เมตร มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีอากาศบริสุทธิ์และเย็นสบายตลอดปี อีกทั้งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล ตอนเช้ามีกลุ่มเมฆและทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์สวยเกินบรรยาย รวมถึงมีหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง และสิ่งหนึ่งที่ใคร ๆ ก็อยากมาพบเห็นเมื่อมาภูทับเบิก คือ ทุ่งกะหล่ำปลีกว้างไกลสุดสายตา


11. สามพันโบก 

สามพันโบก
          สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี ประติมากรรมทางธรรมชาติสุดอลังการกลางลำน้ำโขง ที่ทางธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาให้เราได้ชมความมหัศจรรย์นี้ ซึ่งเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก เกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะ กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3,000 โบก โดยจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอดเท่านั้น ทำให้นักเดินทางต่างรอคอยเวลาที่จะไปพบปะกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา จนชาวบ้านเรียกว่าแกรนด์แคนยอนเมืองไทย และนอกจากความงามของแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง วิถีชีวิตริมคลองสองฝั่งโขงก็งดงามไม่แพ้กัน


12. หัวหิน

หัวหิน
          หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศริมทะเลที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ ในการท่องเที่ยวและพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและครบครัน อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชมอยู่หลายแห่ง เช่น ชายหาดหัวหิน, สถานีรถไฟหัวหิน, เขาเต่า, เขาตะเกียบ, ฟาร์มแกะดำหัวหิน, ตลาดน้ำหัวหิน, ตลาดโต้รุ่ง, วัดห้วยมงคล, สวนน้ำหัวหิน Black Mountain Water Park, เดอะเวเนเซีย และ Cicada Market เป็นต้น จึงถือเป็นเมืองท่องเที่ยวเปี่ยมเสน่ห์ที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน


13. สวนผึ้ง


สวนผึ้ง
          ด้วยอากาศที่เย็นสบาย แวดล้อมไปด้วยขุนเขาเขียวขจี และมีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ จึงทำให้ สวนผึ้ง ราชบุรี ยังคงครองใจเหล่าบรรดานักเดินทางเสมอ ๆ เมื่อมีเวลาว่างอยากไปพักผ่อนที่นี่จะอยู่ในลิสต์รายชื่ออันดับต้น ๆ ทั้งคู่แต่งงานที่ไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง คู่รักควงกันไปสวีทหวานเที่ยวชมบ้านหอมเทียน ครอบครัวพาเด็ก ๆ ไปถ่ายรูปกับแกะในฟาร์มหรือไปเที่ยวตลาดน้ำสวนผึ้ง เวเนโต้ หรือแก๊งเพื่อน ๆ นัดกันไปตะลุยยอดเขากระโจม เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ สวนผึ้งยังเป็นแหล่งรวมของบูติกรีสอร์ทหลากรูปแบบ ตกแต่งเก๋ ๆ สามารถเลือกพักตามความชอบได้เลย เอาเป็นว่าใครอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ เคล้าสายลมเย็น ๆ ไม่ควรพลาดจ้า


14. เกาะสมุย

เกาะสมุย
          ที่เกาะสมุยมันมีอะไร ที่ทำให้คุณนั้นต้องอยากไป ที่ทำให้คุณนั้นต้องติดใจมาชวนผม…บทเพลง เกาะสมุย ของ DEEP O SEA คงอยู่ในความคิดของคนที่ร่างกายต้องการทะเล หาดทราย สายลม และแสงแดด ซึ่งทะเลที่อยากไป ก็คือ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพราะเกาะแห่งนี้มีสีสันของความสนุก ความครึกครื้นของเสียงคลื่นและสายลมอยู่ทั่วไป รวมถึงมีหาดทรายสวยทรายขาวหลายแห่ง เช่น หาดเฉวง หาดนาเทียน หาดตลิ่งงาม และหาดละไม อีกทั้งความสวยงามทางธรรมชาติ ความสะดวกสบายของเกาะสมุยยังผสมผสานด้วยศิลปวัฒนธรรมของชาวพื้นถิ่น ที่ยังคงเป็นรากฐานของความเป็นมาของชุมชนอีกหลายแห่งบนเกาะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปสมุยมาแล้วต้องหวนกลับไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า อ๊ะ ๆ อาหารทะเลสด ๆ ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ชวนให้นึกถึงเหมือนกัน


15. เกาะเสม็ด


เกาะเสม็ด
          ในปี 2556 ชื่อของ เกาะเสม็ด คงกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังเกิดเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบกลางทะเลรั่วไหล ส่งผลให้น้ำมันดิบจำนวน 50,000 ลิตร ไหลลงสู่ทะเลระยอง จากนั้นกระแสคลื่นลมแรงได้ทำให้คราบน้ำมันทะลักเข้ามายังชายฝั่งอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด แต่ทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ชาวบ้าน และอาสาสมัครต่างก็ช่วยกันฟื้นฟูจนทำให้อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด กลับมาน่าเที่ยวเหมือนเมื่อวันวาน น้ำทะเลยังคงใสสะอาดและน่าเล่นเช่นเคย สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น คือ ชายหาดต่าง ๆ เช่น หาดทรายแก้ว อ่าวน้อยหน่า อ่าวลูกโยน อ่าวไผ่ อ่าวพุทรา อ่าวทับทิม อ่าวลุงดำ อ่าวช่อ ฯลฯ นอกจากนี้ เกาะเสม็ดยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีที่พักหลากหลายรูปแบบจำนวนมาก ราคาไม่แพง จึงถือเป็นเกาะเปี่ยมเสน่ห์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบอีกแห่งหนึ่งในปัจจุบัน


16. ภูกระดึง


ภูกระดึง
          สักครั้งในชีวิตต้องพิชิต ภูกระดึง จังหวัดเลย เราเชื่อว่านี้คือหนึ่งในกิจกรรมเดินเขาประมาณ 5 กิโลเมตร ของใครหลาย ๆ คน เพราะเสมือนการพิสูจน์และท้าทายความสามารถของตัวเอง (เส้นทางขึ้นภูกระดึง ทางขึ้นค่อนข้างชัน แต่จะมีจุดแวะพักที่ “ซำ” หมายถึง บริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมา แต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ) สถานที่แห่งนี้นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์ แถมเมื่อได้ไปถึงบนยอดภูกระดึงแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับความธรรมชาติ เช่น ผาหล่มสัก ลานหินกว้างและมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด, ผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา และชมต้นเมเปิลที่ต่างพากันผลัดใบในป่าปิด เปลี่ยนเฉดสีจากเขียวกลายเป็นสีแดงท่ามกลางลมหนาว สวยงามน่าประทับใจ

17. เชียงราย

เชียงราย
          เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง…นี่คือคำขวัญของ จังหวัดเชียงราย ดินแดนแห่งขุนเขาและเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จังหวัดนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้บนดอยสูงที่สลับซับซ้อน เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำและน้ำตกอันงดงามหลายแห่ง อีกทั้งเชียงรายยังมีประชากรหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยพื้นราบ ชาวไทยภูเขา และชาวจีนฮ่อที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนดอยสูง แต่ละชนชาติจะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้เชียงรายได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายรูปแบบ เช่น วัดพระธาตุดอยจอมทอง, วัดพระสิงห์, วัดพระแก้ว, วัดร่องขุ่น, เมืองโบราณเชียงแสน, ภูชี้ฟ้า, ผาตั้ง ดอยแม่สลอง, ดอยตุง, ไร่บุญรอด และสามเหลี่ยมทองคำ ฯลฯ


18. น่าน

น่าน
          เพราะผู้คนอยากหลีกหนีจากความวุ่นวายไปแสวงหาความเงียบสงบ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่ “น่าน” ดินแดนในอ้อมกอดของขุนเขาด้านตะวันออกของภาคเหนือจะกลายเป็นจังหวัดในใจใครหลาย ๆ คน นอกจากนี้ น่านยังอุดมไปด้วยธรรมชาติผืนป่า สายน้ำ ทะเลหมอก หล่อหลอมรวมกับวิถีวัฒนธรรมของผู้คนชาวไทยลื้อ ทำให้เสน่ห์ของน่านไม่ได้มีเพียงธรรมชาติอันพิสุทธิ์ แต่ยังมีศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ที่แฝงด้วยแรงศรัทธาในพุทธศาสนา และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยี่ยมชมหลายรูปแบบ ทั้งวัดวาอาราม โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น วัดพระธาตุแช่แห้ง, วัดพระธาตุช้างค้ำ, วัดภูมินทร์, อำเภอบ่อเกลือ, อุทยานแห่งชาติศรีน่าน, อุทยานแห่งชาติขุนสถาน และอุทยานแห่งชาติภูคา เป็นต้น ใครที่ชอบวิถีเรียบง่ายไม่ควรพลาดเลย


19. กาญจนบุรี 


กาญจนบุรี
          กาญจนบุรี คือ ดินแดนแห่งธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า พรรณไม้ โถงถ้ำ น้ำตก และประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออารี ทั้งไทย พม่า มอญ ปกากะญอ (กะเหรี่ยง) ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น กาญจนบุรียังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีอนุสรณ์สถานหลายแห่งปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว, สุสานทหารสัมพันธมิตร และพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ฯลฯ ด้วยความหลากหลายของพื้นที่และเรื่องราวที่สั่งสมอยู่ในจังหวัดชายแดนตะวันตกแห่งนี้ กาญจนบุรีจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ทุกวัย และทุกฤดูกาล


20. พัทยา

พัทยา
          ปิดท้ายกันที่ พัทยา จังหวัดชลบุรี เมืองที่มีสีสันตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นชายหาดตากอากาศยอดนิยมอันดับหนึ่งของภูมิภาค และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ผู้คนนับล้านจากทั่วทุกทวีปต้องการมาสัมผัส รวมทั้งยังเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ สำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลากหลายรูปแบบ มีกิจกรรมท่องเที่ยวนานาชนิดให้เลือกทำ มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมชั้นนำมากมาย การคมนาคมสะดวกสบาย ทั้งยังสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี จึงถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เช่น หาดพัทยา, หาดนาจอมเทียน, เกาะล้าน, ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา, วัดเขาชีจรรย์, สวนนงนุช, พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมี, มิโมซ่า พัทยา และ Art in Paradise พัทยา ฯลฯ
ที่มา : http://www.tlcthai.com/travel/21586/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7.html

แหล่งท่องเที่ยวประเภทชุมชนวิถีชีวิต




อันดับ 1 ตลาดน้ำอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 

          ตลาดน้ำอัมพวา มาแรงคว้าตำแหน่งสุดยอดในประเภทนี้ไปด้วย เหตุที่ผู้คนหันมาสนใจการเดินทางท่องเที่ยวในแนวหวนรำลึกถึงความหลังอดีตชุมชนริมน้ำอัมพวาที่รักษาสภาพดั้งเดิมของอาคารบ้านเรือนริมน้ำเอาไว้ได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ จึงได้รับการฟื้นฟูบูรณะขึ้นใหม่ โดยซูจุดขายความเป็นตลาดน้ำยามเย็น ที่ร้านรวงสองฟากฝั่งคลองครบครันด้วยข้าวของเครื่องใช้ อาหารการกิน ตลอดจนขนมนมเนยย้อนยุคย้อนสมัย รวมถึงที่พักในบรรยากาศตลาดเก่าชายน้ำ ให้ใครต่อใครได้มาตามหาความทรงจำดี ๆ ในวันวาน ที่ต่างหลงลืมไปในห้วงเวลา


อันดับ 2 อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

          เมืองเล็กในโอบล้อมของขุนเขาสลับซับซ้อน ท้องทุ่งนาเขียวขจี และสายน้ำปายที่ไหลรี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มีดีที่อากาศเย็นสบาย ความเงียบสงบศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยใหญ่  แถมด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเล็ก ๆ อย่างน้ำตกหมอแปง ปายแคนยอน คือความเรียบง่ายอันเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ดั้นต้นข้ามผ่านหนทางลดเลี้ยวนับร้อยโค้ง เพียงเพื่อมาใช้เวลาซึมซับกับธรรมชาติและบรรยากาศอันเนิบช้าที่หาไม่ได้ในเมืองอันศิวิไลซ์


อันดับ 3 ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 

          ภาพของตลาดลอยน้ำอันคลาคล่ำไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าในเครื่องแต่งกายแบบชาวสวน พายเรือน้อยใหญ่บรรทุกสินค้าผลิตผลจากสวนจากไร่มาซื้อชายแลกเปลี่ยนกัน เผยแพร่สู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 กลายเป็นภาพประทับใจในอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทย มาถึงยุคที่เส้นทางการคมนาคมทางบกสะดวกสบายอย่างในวันนี้ ซึ่งบรรยากาศอันครึกครื้นของการค้าขายทางน้ำในตลาดน้ำดำเนินสะดวกกลายเป็นสิ่งหาดูยาก ทำให้นักท่องเที่ยวไทยรุ่นใหม่ต่างโหยหาและประทับใจ


อันดับ 4 สถานตากอากาศหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

          เมืองท่องเที่ยวชายทะเลระดับอภิมหาอมตะนิรันดร์กาล เมื่อมีการสร้างทางรถไฟสายใต้เสร็จใหม่ ๆ หัวหินรุ่งเรืองเฟื่องฟูในฐานะเมืองพักผ่อนชายทะเลระดับแนวหน้าของชนชั้นสูงอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง  ก่อนจะซบเซาเสื่อมโทรมลงไปเมื่อแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศทางภาคตะวันออกได้รับความนิยมแทนที่ ทว่าความรุ่งเรืองของสถานตากอากาศหัวหินนั้นไม่มีวันตาย ด้วยความเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ในวันนี้ชีวิตชีวาในรูปแบบสถานตากอากาศของหัวหินจึงหวนคืนกลับมาใหม่อีกครั้ง พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ มีดีไซน์และรีสอร์ตหรูหราหลากหลายรูปแบบ


อันดับ 5 ชุมชนชาวไทยภูเขา ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย

          ชุมชนชาวจีนเฮ่อแห่งกองพล 93 ที่ตั้งหลักแหล่งบนดอยแม่สลองมาเนิ่นนาน โดยเมื่อกว่า 40 ปีก่อน นายพลต้วน  ผู้นำแห่งกองพัน 5 ได้เปลี่ยนกองทหารพลัดถิ่นให้เป็นชาวดอย ทำมาหากินด้วยการปลูกชาจีน ปัจจุบันมีชื่อว่าหมู่บ้านสัติคิรี ตั้งอยู่ที่ความสูงเฉลี่ย 1,200 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง อากาศเย็นสบายตลอดปี บนถนนที่ตัดขึ้นดอยช่วงสุดท้ายก่อนถึงยอดดอยระยะทาง 4 กิโลเมตร เมื่อถึงฤดูหนาวต้นซากุระข้างทางจะออกดอกสีชมพูสะพรั่งเป็นแนวสวยงาม เรียกกันว่าถนนสายซากุระ ในบริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่สำคัญ คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคิรีบนยอดเขา สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่สมเด็จย่า และสุสานนายพลต้วน


อันดับ 6 ชุมชนเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 

          ชุมชนชาวมอญในอดีตที่อพยพจากเมืองซึ่งเคยเป็นอาณาจักรมอญในประเทศพม่า ทำเครื่องปั้นดินเผาเป็นอาชีพสืบเนื่องกันมา บนเกาะจึงเต็มไปด้วยศิปลวัฒนธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตของชาวไทยเชื้อสายมอญ รวมทั้งวัดวาอารามเก่าแก่ เช่น วัดปรมัยยิกาวาส วัดเสาธงทอง วัดฉิมพลี วัดไผ่ล้อม วัดป่าเลไลยก์ ในวันหยุดสุดสัปดาห์นักท่องเที่ยวมักจะแวะเวียนมาสนุกสนานกับการนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะ ดูทิวทัศน์บ้านเรือน และวิถีชีวิตครึ่งเมืองครึ่งชนบทของชาวเกาะเกร็ด เลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผา และเพลิดเพลินกับการชิมอาหารตามแบบฉบับชาวไทยเชื้อสายมอญ


อันดับ 7 ถนนคนเดิน ถนนวัวลายและประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ 

          กิจกรรมถนนคนเดินจัดขึ้นตามแนวคิดในการพัฒนาเมืองและการกำหนดใช้พื้นที่เมืองให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน ที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประตูท่าแพ ในปี พ.ศ. 2545 ปัจจุบันมีถนนคนเดินทั้งวันเสาร์และอาทิตย์ ในช่วงเวลา 16.00 – 23.00 น. โดยวันเสาร์จัดที่ถนนวัวลาย ปิดถนนทั้งสาย ความยาวกว่า 3 กิโลเมตร ให้เป็นตลาดนัดซื้อขายสินค้าของที่ระลึก ซึ่งเน้นไปที่เครื่องเงิน รวมทั้งการแสดงทางวัฒนธรรมล้านนา และหลากหลายอาหารพื้นบ้านเมืองเหนือ ส่วนวันอาทิตย์จัดที่ประตูท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ ปิดถนนตั้งแต่แยกอุปคุตถึงประตูท่าแพ ความยาวประมาณ 950 เมตร สินค้าที่จำหน่ายมีหลากหลาย ทั้งของตกแต่งบ้าน ของพื้นเมือง ของที่ระลึก ของเล่นจัดเป็นชีวิตชีวาที่เป็นสีสันของเมืองเชียงใหม่


อันดับ 8 อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

          เมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า "สามประสบ" จุดที่ลำน้ำสามสาย อันได้แก่ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแควน้อย ทิวทัศน์สวยงามตามธรรมชาติ และมีชาวมอญอาศัยอยู่มาก ในปี พ.ศ. 2527 หลังก่อสร้างเชื่อนวซิราลงกรณ ทำให้น้ำท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่าทั้งหมด จึงได้ย้ายเมืองมาอยู่บนเนินเขา ทว่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวมอญที่ผูกพันเหนียวแน่นอยู่กับพุทธศาสนายังคงอยู่ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือสะพานมอญ หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ สะพานไม้ 850 เมตร ยาวที่สุดในประเทศไทย ข้ามลำน้ำซองกาเลีย เป็นจุดที่จะเห็นวิถีชีวิตชาวมอญที่สัญจรไปมา และทิวทัศน์ทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณที่สวยงาม อีกแห่งคือเมืองบาดาล เมืองสังขละบุรีเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำและจะโผล่ขึ้นมาในยามน้ำลด เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand


อันดับ 9 เมืองเชียงคาน จังหวัดเลย 

          ชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขงที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาได้เนิ่นนานร่วมศตวรรษ เพิ่งจัดงานฉลอง "100 ปี เชียงคาน เมืองโบราณริมฝั่งโขง" ไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมานี้ ด้วยบรรยากาศเงียบสงบแบบเมืองชายแดน ห้องแถวเรือนไม้เก่าคร่ำคร่า ร้านกาแฟกับมุมหนังสือเล็ก ๆ รวมทั้งผู้คนที่เป็นมิตร ยิ้มแย้ม เปี่ยมด้วยอัธยาศัย ดึงดูดนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ให้มาเยือนหลายสิ่งหลายอย่างที่ขาดหายไปในสังคมเมืองสมัยใหม่


อันดับ 10 ชุมชนแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

          อำเภอเล็ก ๆ ในอ้อมกอดของหุบเขาแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นเสมือนเมืองลับแล เนื่องจากถนนหนทางทุรกันดารคดเคี้ยวตามทางภูเขา ทำให้การเดินทางมาแม่แจ่มค่อนข้างลำบาก แต่นั่นก็ทำให้ธรรมชิตที่อุดมสมบูรณ์สองฟากฝั่งสายน้ำแม่แจ่มที่หล่อเลี้ยงผู้คน วัดวาอารามเก่าแก่อันทรงคุณค่า ตลอดจนวิถีชีวิตที่เรียบง่ายตามแนวทางพระพุทธศาสนา และผู้คนที่เปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรี มีรอยยิ้ม อบอุ่นด้วยน้ำใจ ยังคงสภาพเดิมอยู่เหนือกาลเวลา กลายเป็นดินแดนในฝันอันเป็นจุดหมายของนักเดินทาง ที่แสวงหาเมืองอันสงบสุขเรียบง่ายไร้การปรุงแต่ง

แหล่งท่องเที่ยวประเภทกิจกรรม งานวัฒนธรรม ประเพณี



อันดับ 1 งานประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี

          งานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้กำหนดจัดงานขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 และแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาของทุกปี เริ่มมีการทำต้นเทียนประกวดกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2470 จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2520 จังหวัดอุบลราชธานีได้รับการส่งเสริมจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้จัดงานสัปดาห์ประเพณีแห่เทียนพรรษให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ในงานมีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์และแกะสลัก โดยขบวนแห่จากคุ้มวัดต่าง ๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียนจะเคลื่อนขบวนจากหน้าวัดศรีอุบลรัตนารามมาตามถนน จนมาสิ้นสุดที่ทุ่งศรีเมือง มีการแสดงสมโภชต้นเทียนครึกครื้นสว่างไสวไปทั่วทั้งงาน


อันดับ 2 งานประเพณีปอยส่างลอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          ปอยส่างลองคือประเพณีบรรพชาสามเณรตามแบบไทยใหญ่ ที่เชื่อกันว่าได้กุศลมากกว่าอุปสมบทพระภิกษุงานมี 3 วัน โดยในวันแรก เด็กชายที่เข้าพิธีเรียกว่า "ส่างลอง" จะโกนผม แต่ไม่โกนคิ้ว ผัดหน้าทาปาก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงาม โพกหัวประดับประดาดอกไม้ ไปขอขมารับพรจากญาติผู้ใหญ่วันที่สอง จะแห่ส่างลองขี่ม้าหรือขี่คอพี่เลี้ยงพ้อมเครื่องไทยทานไปตามถนนแล้วในวันที่สาม จึงแห่ส่างลองไปยังวัด เพื่อทำพิธีบวชต่อไป แต่เติมงานนี้จัดกัน เฉพาะหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย กระทั่งในปี พ.ศ. 2525 ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนได้จัดให้มีบรรพชาหมู่ 200 รูป เนื่องในงานฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี กลายเป็นงานใหญ่ที่นักท่องเที่ยวสนใจ นับแต่นั้นจึงจัดเป็นประจำทุกปี ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน จนถือเป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองแม่ฮ่องสอน


อันดับ 3 งานเทศกาลสงกรานต์ จังหวัดเชียงใหม่

          สงกรานต์เมืองเชียงใหม่ขึ้นชื่อในความยิ่งใหญ่ งดงามด้วยขบวนแห่แหน ซึ่งวัดต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่จะอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด จัดเป็นขบวนยาวเหยียด เช่น ขบวนพระสิงห์ ขบวนพระแก้วขาว เป็นต้น พระพุทธรูปแต่ละองค์เก่าแก่อายุ 700 – 1,000 ปี ผ่านกลางเมืองมาให้คนได้ทำพิธีสรงน้ำพระด้วยน้ำหอม นอกจากนั้นยังมีทำเลสะดวกในการเล่นน้ำ เพราะมีคูน้ำล้อมรอบเมืองเก่าเป็นแหล่งน้ำให้สาดน้ำกันได้เต็มที่ จึงไม่น่าแปลกใจที่สงกรานต์เชียงใหม่ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวแน่นชนิดไปทั้งเมืองตลอดช่วงวันหยุดยาวเลยทีเดียว


อันดับ 4 งานประเพณีบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร

          เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าบุญเดือนหก เป็นงานบุญที่จัดประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนจะลงมือทำนา  ที่จังหวัดยโสธรจะจัดงานบุญบั้งไฟในวันสุดสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม ในวันศุกร์เป็นวันที่คณะบั้งไฟทั้งหลายแห่ขบวนเซิ้งเพื่อขอรับบริจาคเงินซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งของจำเป็นสำหรับทำบุญ ส่วนวันเสาร์จะเป็นวันแห่ขบวนฟ้อนรำ เพื่อการแข่งขัน เน้นความสวยงามของท่าฟ้อนในจังหวะต่าง ๆ ตลอดทั้งการตกแต่งบั้งไฟและการจัดขบวนที่สวยงาม ท้ายสุดในวันอาทิตย์จะเป็นวันจุดบั้งไฟ แข่งขันความสูงของบั้งไฟที่ขึ้นไปบนฟ้า บั้งไฟที่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้สูงและนานจะชนะการแข่งขัน เป็นงานเทศกาลประเพณีที่ครึกครื้นและสนุกสนาน


อันดับ 5 งานประเพณีแห่ผีตาโขน จังหวัดเลย

          งานบุญหลวงอันมีเอกลักษณ์เป็นที่รู้จักกันดี คือการละเล่นผีตาโขน งานประเพณีที่มีการจัดกันมาหลังจากการก่อสร้างพระธาตุศรีสองรักไม่นาน ถือเป็นหนึ่งในฮิตสิบสองคองสิบสี่ของภาคอีสาน การแห่ผีตาโขนเป็นประเพณีจำลองเหตุการณ์ในชาดกเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีเดินทางกลับออกจากป่าเข้าสู่เมือง บรรดาผีป่าหลายคนและสัตว์ นานาชนิดอาลัยรัก จึงพากันแห่แหนมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง เรียกกันว่า "ผีตามคน" ก่อนเพี้ยนมาเป็น "ผีตาโขน" อย่างในปัจจุบัน ผีตาโขนในขบวนแห่จะแยกเป็น 2 ประเภท คือ ผีตาโขนใหญ่ เป็นหุ่นรูปผีทำจากไม้ไผ่สาน สูงใหญ่กว่าคนธรรมดา 2 เท่า มีเพียง 2 ตัว คือ ผีตาโขนชาย 1 ตัว และหญิง 1 ตัว ส่วนผีตาโขนเล็กใช้วิธีประดับตกแต่งรูปร่างหน้าตาให้เป็นผีด้วยเศษวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น


อันดับ 6 งานแสดงช้าสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

          งานแสดงช้างครั้งแรกจัดขึ้นที่สนามบินเก่า อำเภอท่าตูม อันเป็นที่ตั้งโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์ในปัจจุบัน เพื่อเฉลิมฉลองที่ว่าการอำเภอหลังใหม่ ในงานมีการแสดงขบวนแห่ช้าง การแข่งขันช้างวิ่งเร็ว การคล้องช้าง โดยออกข่าวแพร่ภาพทั้งทางหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ทำให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศสนใจกันเป็นอย่างมาก ในปีต่อมา อ.ส.ท. (ททท.) จึงได้เข้ามาให้การสนับสนุน โดยร่วมกำเนิดรูปแบบของการแสดง และนำนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาร่วมชมการแสดงในปี พ.ศ. 2505 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้การจัดงานข้างเป็นงานประจำปีของชาติ และเนื่องจากการจัดงานที่อำเภอท่าตูมไม่สะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว จึงได้ย้ายสถานที่จัดงานมาจัดงานที่สนามกีฬาจังหวัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน


อันดับ 7 งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร

          งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ต้นกำเนิดมาจากคติความเชื่อในสมัยโบราณ  คือการทำทานที่อยู่อาศัยและการถวายรวงผึ้งแด่พระพุทธเจ้าของพญาวานรในพุทธประวัติ ความเชื่อทั้งสองเรื่องเป็นที่มาของประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง โดยในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ให้เป็นวันโฮม หรือวันรวมปราสาทผึ้งจากคุ้มต่าง ๆ ที่บริเวณวัด พร้อมกับมีการจัดงานรื่นเริง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ปัจจุบันการทำปราสาทผึ้งและขบวนแห่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก ทั้งรูปทรงของตัวปราสาทผึ้งและลวดลายประดับประดาได้เพิ่มความวิจิตรพิสดารขึ้น ขบวนแห่ที่เคยใช้เกวียนก็กลายเป็นรถยนต์ สถานที่รวมขบวนก็เปลี่ยนจากบริเวณวัดมาอยู่ที่สนามมิ่งเมือง แต่ละปีจะมีขบวนแห่ยาวเป็นสิบกิโลเมตร ในขบวนยังมีการแสดงเกี่ยวกับประเพณีโบราณและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสาน


อันดับ 8 กิจกรรมล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี

          กิจกรรมล่องแก่งหินเพิงกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีเฉพาะในช่วงฤดูฝน ในแก่งหินเพิงซึ่งถือกำเนิดเกิดจากลำน้ำใส่ใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สิ้นสุดที่ปลายน้ำ ณ ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี โดยนักท่องเที่ยวต้องลงเรือยางซึ่งนั่งได้ลำละประมาณ 8 - 10 คน ผ่านแก่งต่าง ๆ ที่มีระดับความยากง่ายของสายน้ำอยู่ที่ระดับ 3 - 5 ใช้ฝีมือและทักษะในการพาย รวมทั้งร่วมแรงร่วมใจช่วยกันพายอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพื่อให้รอดพ้นจากการปะทะกับแก่งหินและไม่ให้เรือพลิกคว่ำ สนุกสนานกับลำธารใสที่สามารถแวะพักเหนื่อยเล่นน้ำกันได้ในบางจุดที่มีกระแสน้ำเบา โดยแก่งทั้ง 6 แก่ง ได้แก่ แก่งหินเพิง แก่งวังหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า และจะถึงจุดหมายปลายทางที่ท่าเรือบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขญ. 9


อันดับ 9 งานเทศกาลกินเจ จังหวัดภูเก็ต 

          ประเพณีกินเจชาวภูเก็ต เรียกว่างานกินผัก หรือเจี๊ยะฉ่าย จัดขึ้นระหว่างวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ของจีน ซึ่งตรงกับเดือน 10 ของไทย เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวภูเก็ตซึ่งได้รับอิทธิพลจากจีน เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ผู้ร่วมพิธีจะสวมชุดขาว งดการบริโภคเนื้อสัตว์และผักที่มีกลิ่นฉุนด้วย เริ่มมีขึ้นครั้งแรกที่อำเภอกะทู้ในปี พ.ศ. 2368 เมื่อพระยาถลาง (เจิม) ย้ายเมืองถลางมาตั้งที่บ้านเก็ตโฮ่ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ดีบุก แต่เป็นป่าทึบ มีไข้ป่าชุกชุม ชาวเมืองล้มป่วยกันมาก คณะงิ้วที่มาแสดงอยู่ใต้ประกอบพิธีกินเจขึ้นเพื่อบวงสรวงเทพเจ้า "กิ๋วอ๋องไต่เต" และ "ยกอ๋องซ่งเต" ปรากฏว่าโรคภัยไข้เจ็บได้หมดไป ชาวเมืองเกิดศรัทธาจึงประกอบพิธีกินเจในเดือน 9 รวม 9 วัน 9 คืนทุกปี ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสีสันของงานที่นักท่องเที่ยวสนใจเป็นพิเศษคือการแสดงอิทธิฤทธิ์ของบรรดาม้าทรงเทพเจ้า ซึ่งมีทั้งลุยไฟ ทั้งใช้ของแหลมทิ่มแทงร่างกายโดยไม่เจ็บปวด


อันดับ 10 กิจกรรมพายคายักล่องทะเล ป่าชายเลน

          กิจกรรมพายคายักเป็นรูปแบบหนึ่งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงที่จังหวัดกระบี่  เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะได้สนุกสนานกับการล่องเรือไปท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าโกงกางซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์หลายชนิด เช่น นก ลิงแสม และเป็นแหล่มอนุบาลตัวอ่อนของพันธุ์สัตว์น้ำนานาพันธุ์ เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันน่าตื่นตาของเทือกเขาหินปูนทั้งสองฟากฝั่ง ก่อนออกสู่ทะเลกว้างโต้คลื่นลมเป็นการเดินทางด้วยพละกำลังจากสองแรงแขนของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติรอบข้างอย่างแท้จริง